บ้านโมเดิร์นคันทรี

modern country house

บ้านโมเดิร์นคันทรี ที่ล้ำลึกและเรียบง่าย

สำหรับ บ้านโมเดิร์นคันทรี วิลล่าภูเก็ตที่ขาย เคยได้ยินว่าหากกำลังมองหา ที่สร้าง บ้าน อยากรู้ว่าจุดไหน ที่เหมาะจะเป็นที่ดินของเรา ให้ลองเดินอยู่ใจกลางที่ ซึมซับบรรยากาศรอบ ๆ ความรู้สึกจะเป็นตัวบอกว่า คลิกกันหรือไม่ บ้านกลางป่าหลังนี้ ก็ได้มาด้วยวิธีคล้าย ๆ กัน เจ้าของใช้เวลากว่าห้าปีในสี่รัฐเพื่อค้นหาไซต์ สำหรับสร้างบ้าน พักตากอากาศช่วงสุดสัปดาห์

บ้านโมเดิร์นคันทรี

จนในที่สุดก็ค้นพบสถานที่ ที่เข้าไปแล้วรู้สึกว่า “ใช่”  พวกเขาจึงตัดสินใจ เลือกที่ผืนหนึ่ง ที่อยู่ริมเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ ที่เรียกว่า Lawless Park ห่างจากเมืองในมิชิแกน ไปทางตะวันออกประมาณสองชั่วโมง

การเลือกวัสดุบ้านที่แนบเนียนกับธรรมชาติ

ซึ่งเจ้าของบ้านตั้งโจทย์ บ้าน สไตล์โมเดิร์นคันทรี ที่มีความโปร่งใส เพื่อให้รับวิสัยทัศน์ แวดล้อมได้ดี searlarch จึงออกแบบที่อยู่อาศัยที่ด้านหน้าดู เป็นรูปทรงกล่องแบบโมเดิร์น แต่ถ้าดูในภาพรวมจะเห็นรูปร่าง บ้านคล้ายรูปตัว T ไหลลงไปตามลักษณะ ที่ดินที่เป็นเนินต่างระดับ หลังคาเป็นหลังคาแบน (Slab) มีพื้นที่รวม 2,425 ตารางฟุต (225 ตารางเมตร)  ใช้วัสดุหลัก ๆ คือ

ไม้ซีดาร์ไม้ ที่ถูกเผารักษาเนื้อไม้จนดำเกรียม และไม้โอ๊คที่บางส่วน จะย้อมสีเขียวเข้ม สีน้ำตาลเข้ม เพื่อผสมผสานบ้าน เข้ากับความเขียวชอุ่ม ของต้นเมเปิ้ล โอ๊ค ซีดาร์ แอสเพน และแอชที่ปกคลุมพื้นที่ เข้าด้วยกันอย่างถ่อมตัว

สร้างอย่างเข้าใจบริบทแวดล้อม

เพราะว่าบ้านตั้งอยู่บนสันเขามีพื้นที่ SALE VILLA ต่างระดับล้อมรอบด้วยไม้ใบ ที่อุดมสมบูรณ์ สิ่งแวดล้อมจึงมีอิทธิพล ต่อการออกแบบโครงการโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นตัวบ้าน ที่ถูกจัดวางอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ต้นไม้ ที่โตเต็มที่ได้รับอันตราย ด้านนอกตัวบ้านห่อด้วยวัสดุที่ทนทานต่อสภาพอากาศ เช่น ไม้ซีดาร์และผนังปูนซีเมนต์ ในจุดที่ให้วิวธรรมชาติ ก็เปิดมุมมองผ่านผนังกระจก และจัดจังหวะการใส่ช่องลมให้รับกับทิศทาง การเดินทางของกระแสลม เป็นต้น

ซึ่งภายในจะเห็นว่าระดับบ้าน ในชั้นล่างค่อยๆ ไลระดับลง เพื่อรองรับความลาดชันของไซต์ จากทางเข้าด้านเหนือจะผ่านห้องนอนและเคลื่อนไปยังห้องครัวแบบเปิดโล่ง พื้นที่รับประทานอาหาร และห้องนั่งเล่นไปทางทิศใต้ พื้นจะลดลงรวม 5 ฟุต (1.5 เมตร) การตกแต่งวัสดุสีเอิร์ธโทน และสีที่เป็นกลางทั่วทั้งที่อยู่อาศัย พื้นปูด้วยกระเบื้องหินชนวน และเพดานหุ้มด้วยไม้ซีดาร์

บ้านโมเดิร์นคันทรี

ซึ่งเป็นวัสดุเดียวกับที่ใช้ด้านนอก สร้างความต่อเนื่องของอารมณ์ จากภายนอกเข้าสู่ภายใน จากจุดนี้จะเห็นคานไม้กลูแลม (Glued-Laminated Beam) คู่หนึ่งที่วิ่งตามความยาวของบ้านตั้งแต่ด้านหน้า ช่วยเสริมเอฟเฟกต์ให้บ้านอย่างอย่างน่าทึ่ง

บ้านที่มีการเชื่อมโยงโดยตรงกับธรรมชาติ

และจุดที่ลาดต่ำลงมาสิ้นสุดที่ห้องนั่งเล่น ล้อมกระจกสูงจากพื้นจรดเพดาน ที่มีมุมมองกว้างขวางออกไปสู่ป่า ความโปร่งใสที่มีอยู่ทุกด้านสร้างการเชื่อมโยงโดยตรงกับธรรมชาติ ไม่ว่าจะใบไม้ผลิลดชื่น หรือในช่วงฤดูหนาวเมื่อใบไม้ร่วงลงหล่น เจ้าของบ้านจะได้เห็นทิวทัศน์ของหุบเขาเบื้องล่าง ที่เปลี่ยนไปได้อย่างชัดเจนในทุกฤดู เสมือนกันได้มีส่วนร่วมเติบโตไปพร้อม ๆ กัน

สำหรับการตกแต่งจะเป็นสไตล์โมเดิร์นคันทรี ที่โทนสีเข้มขรึม รวมความเป็นชนบทเข้ากับคอลเลคชันเฟอร์นิเจอร์ ร่วมสมัยสไตล์ยุโรปที่คัดสรรมา อย่างดี ซึ่งเจ้าของบ้านได้รับแรงบันดาลใจ จากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีความรู้สึกทันสมัย

สำหรับในห้องนอนใหญ่ ก็ล้อมรอบหน้าต่างบานใหญ่ เปิดรับแสงแดดยามเช้าให้เข้ามาปลุกจากที่นอน และเชื่อมต่อสายตา ออกไปปฏิสัมพันธ์ต้นไม้ ได้ตั้งแต่ตื่นถึงเข้านอน ให้ทุก ๆ วันที่ได้อยู่ที่นี่เต็มไปด้วยความผ่อนคลาย และพร้อมรับพลังงานดี ๆ จากธรรมชาติที่รออยู่ในทุกตารางเมตร บ้านโรงนา

มี 5 ไอเดียตกแต่งบ้านโมเดิร์นคันทรีให้เท่ห์

และเหมือนสูงสุดคืนสู่สามัญจริงๆ ไม่ว่าจะมีพัฒนากรเทคโนโลยีก้าวล้ำไปขนาดไหน ไม่ว่าจะย้ายที่อยู่จากในถ้ำจนอยู่บนตึกสูงเสียดฟ้า แต่สุดท้ายแล้ว “เรา” ก็โหยหาจุดเริ่มต้นที่จากมาเสมอ เพราะพื้นฐานจิตใจของมนุษย์ จะมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติแม้ว่าเทคโนโลยีจะก้าวล้ำไปไกล เช่นเดียว การตกแต่งบ้าน ไม่ว่างานดีไซน์จะเปลี่ยนไปตามยุค ตามสมัยมากแค่ไหน พอมาวันหนึ่งเรามักจะโหยหาธรรมชาติอยู่ร่ำไป ธรรมชาติที่ว่าคือสิ่งที่เกิดขึ้นเอง คือต้นไม้ใบหญ้า การจัดสวนให้อยู่รอบตัว จึงได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ

ซุึ่งเช่นเดียวกับงานดีไซน์ภายในบ้าน Villas in Pasak ที่เริ่มเปลี่ยนจากความทันสมัย ตามกระแสสไตล์โมเดิร์น ที่ล้ำลึกเรียบง่าย แต่ในส่วนลึกๆ ในจิตใจเรากลับโหยหาจุดเริ่มต้นเสมอ นั่นคือการกลับมาของบ้านสไตล์วินเทจ ที่ได้รับความนิยมตลอด 3 ปีที่ผ่านมา และกระแสแห่งความหลังที่ว่าทำให้จิตใจ ของเราหวนระลึกไปถึงอดีตที่เมื่อครั้งเก่าก่อน ในยุคเกษตรกรรม ทุ่งหญ้าเนินเขา ชาวนา และสัตว์เลี้ยง ซึ่งเราเรียกบรรยากาศแบบนี้ว่าเป็นคันทรี หรือชนบทในเมืองนั้นๆ

1. มาทำความรู้จักบ้านคันทรี

สำหรับบ้านสไตล์คันทรี ในแต่ละท้องถิ่นนั้นมีลักษณ์ ที่แตกต่างกันออกไป อย่างในเมืองไทยก็จะเป็นบ้านท้องถิ่น ในภูมิภาคต่าง ๆ ที่เห็นภาพได้ชัดก็เป็นเรือนไทย ในแต่ละภาค ซึ่งมีอัตลักษณ์ของสถาปัตยกรรม ที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละท้องถิ่น แต่หากในนึกภาพบ้านสไตล์คันทรีภาพแรก ที่ปรากฏมักจะเป็นภาพบ้านหลังเล็กท่ามกลางทุ่งหญ้าท้องนา มีสัตว์เลี้ยงอย่างวัว แกะ และโรงนาอยู่รอบด้าน ซึ่งภาพที่คุ้นตา นี้เป็นบ้านคันทรีแบบยุโรป และในเมืองไทยเองก็นิยมตกแต่งบ้าน ให้เป็นคันทรีแบบยุโรปเสมอ ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศ ที่ดูอบอุ่นธรรมดาแต่สวยงาม เลยทำให้คันทรียุโรปเป็นที่ตราตรึงใจคนไทย เรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นอิงลิชคันทรีที่ดูอ่อนหวาน สไตล์ทัสคานีชนบท ในประเทศอิตาลีที่ดูอบอุ่น หรือจะเป็นสไตล์โปรวองซ์เมืองโรแมนติกที่ฝรั่งเศส ที่ส่งผ่านงานดีไซน์ที่ดูอ่อนนุ่ม

2. สำหรับวัสดุที่เลือกใช้

ซึ่งแน่นอนว่าวัสดุที่ใช้ตกแต่งบ้านสไตล์คันทรีนั้น จะต้องเกี่ยวข้องกับท้องถิ่นนั้นๆ อย่างบ้านสไตล์ทัสคานี ก็จะโดดเด่นในเรื่องของผนังดินซึ่งเป็นดินพื้นเมือง ส่วนอิงลิชคันทรี ก็จะเด่นในเรื่องการใช้ผ้าลวดลายกุหลาบ อันเป็นดอกไม้ประจำประเทศอังกฤษ แต่หากให้พูดถึงภาพรวมแล้ว วัสดุที่ใช้ตกแต่งบ้านคันทรีหลักๆ ก็มีดังนี้

สำหรับไม้ ด้วยเสน่ห์ ของเนื้อไม้ที่มีลวดลายที่รังสรรค์ขึ้นเองทำให้เท็กซ์เจอร์ ที่เกิดขึ้นนั้นสร้างความแปลกใหม่ได้เสมอ การใช้ไม้เข้ามาตกแต่งบ้านสไตล์คันทรี จึงมักจะโชว์ลายไม้อย่างเต็มที่ หลีกเลี่ยงการฟอกสีอื่น ที่ไม่ใช่สีไม้ธรรมชาติ ชนิดของไม้ที่นิยมใช้ได้แก่ ไม้สน ไม้แอช ไม้โอ๊ค ไม้มะฮอกกานี รวมทั้งไม้สักที่หาได้มากในเมืองไทยด้วย

บ้านโมเดิร์นคันทรี

สำหรับหิน ใช้ประโยชน์ในบ้านคันทรีคือ ใช้ปูพื้นและกรุผนัง เพื่อความสวยงาม หินที่นิยมใช้ปูพื้นหลักๆ ก็จะมีหินอ่อน หินแกรนิต แล้วแต่งบประมาณของเจ้าของบ้าน ส่วนหินที่ใช้กรุผนังนั้น ก็จะเป็นหินภูเขา หินทรายตัด และปัจจุบันมีวัสดุทดแทนหินมากมายออกมาเป็นทางเลือก ซึ่งให้ความสวยงามไม่แพ้หินแท้เลยทีเดียว

แล้วก็ผ้า เป็นวัสดุเพื่อการตกแต่งอย่างแท้จริง ทั้งนี้ผ้าทำได้หลายอย่างมากกว่าเป็นแค่ผ้าม่าน คือเป็นผ้าบุโซฟาก็ได้ เป็นหมอนอิง เป็นชุดผ้าปูที่นอน ผ้าที่เหมาะสมกับบ้านสไตล์คันทรีต้องเป็นเส้นใยมาจากธรรมชาติ อาทิ ผ้าฝ้าย ฝ้าลินิน รวมทั้งผ้าที่ทอขึ้นจากขนสัตว์อย่างขนแกะ เป็นต้น

3. ดีไซน์เฟอร์นิเจอร์

ในการเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะกับสไตล์คันทรีนั้น วิลล่าภูเก็ตป่าสัก มีจุดสังเกตง่ายๆ คือ ทำจากไม้ เรียบๆ แต่ไม่ธรรมดา อย่างมีการโชว์ลายไม้ ทำสีขัด เสี้ยนขาว หรือขัดถลอก ความธรรมดาเหล่านี้เองที่เป็นตัวสร้างความอบอุ่น ให้ดูดังว่าเป็นดีไซน์ดั่งเดิม ไม่เน้นเรื่องราวแต่เน้นที่การกลึงไม้เข้ารูปให้เป็นทรง หากเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ผ้า ผ้าก็จะดูอ่อนนุ่ม การถักทอมีช่องระบายค่อนข้างห่าง โทนสีจะไม่ฉูดฉาดมากมองแล้วดูสบายตาเหมือนสีที่ได้จากการย้อมธรรมชาติ

4. แต่งเติมให้ครบ

ซึ่งนอกจากเฟอร์นิเจอร์แล้ว pool villas การสร้างบรรยากาศของบ้าน ให้เหมือนอยู่ในชนบทยุโรปก็ไม่ควรมองข้าม อย่างการสร้างเตาผิงจริงละเตาผิงเทียมให้อยู่ในบ้าน การเลือกของประดับตกแต่งจากเซรามิก ถ้วยจานเพ้นท์ลาย กรุผนังด้วยปีกไม้ให้ดูดั่งว่าเป็นบ้านไม้จริงๆ หรือแม้แต่งการเลือกการน้ำชา ถ้วย จาน เครื่องใช้ในครัว หากเลือกในโทนเดียวกันก็จะทำให้บ้านคันทรีสมบูรณ์ขึ้น

 5. จากนั้นมาจัดสวน

ซึ่งเป็นแบบอื่นไม่ได้ หากเป็นบ้านสไตล์คันทรีแล้ว ก็ต้องอิงสวนแบบคันทรียุโรปด้วยเช่นกัน ที่นิยมกันอยู่มากก็คือจัดเป็นสวนอังกฤษ เน้นไม้ดอกสีสันสวยงาม มีงานประติมากรรมตั้งประดับในสวน กลายเป็นความโดดเด่นท่ามกลางแมกไม้ ใบเล็กที่ประดับประดา แต่สวนคอทเทจก็เป็นอีกกระแสที่มาคู่บ้านสไตล์คันทรี เช่นกัน ข้อได้เปรียบของสวนคอทเทจมีอยู่ว่าจัดแบบไร้แบบแผน คือจะจัดวางให้ดูดั่งว่าดอกไม้เหล่านั้นเกิดขึ้นเองและพันธุ์ไม้ ที่เลือกใช้ก็จะดูเป็นดอกไม้ตามทุ่งหญ้า ซึ่งเหมาะกับบ้านคันทรี มากกว่าสวนอังกฤษที่เลือกใช้ดอกไม้ในเมือง


อ่านบทความเพิ่มเติ่ม ขายวิลล่าภูเก็ต ขายบ้านภูเก็ต invest in phuket property phuket villa for sale phuket village village phuket รีวิวบ้าน ขายวิลล่าภูเก็ต ขายบ้านภูเก็ต ซื้อบ้าน ตกแต่งบ้าน วิลล่าราคาถูกภูเก็ต วิลล่าภูเก็ตที่ขาย

ซื้อวิลล่า ภูเก็ต Sale Villas Phuket (RU) ภูเก็ตวิลล่า คอร์ปอเรชั่น