Phuket Mansions จุดเช็คอิน ที่นิยมนักท่องเที่ยว
Phuket Mansions จุดเช็คอิน phuket property แมนชั่น ที่จริงแล้วคำว่า แมนชั่น (mansion) แปลตรงตัวว่า คฤหาสถ์ แม้กระนั้นเมืองไทย พวกเรามักนำมาใช้ไม่ถูก จุดเช็กอินที่ได้รับความนิยม ของนักเดินทาง เมื่อมาเยี่ยมจังหวัดภูเก็ต คงจะหนีไม่พ้นกรุ๊ปตึกแถวสองชั้น แบบชิโนยูโรเปี้ยนในบริเวณเมืองเก่าจังหวัดภูเก็ต ซึ่งนอกเหนือจาก การที่จะสะท้อนอัตลักษณ์ทางสถาปัตยกรรม
ที่ประสมประสานระหว่าง จีนกับยุโรปแล้ว ยังบอกเล่าเรื่องราวการก่อร่างสร้างเนื้อสร้างตัว ของคนจีนฮกเกี้ยนที่ย้ายถิ่นมาตั้งภูมิลำเนา ยังเกาะจังหวัดภูเก็ต แหล่งทรัพยากรแร่ดีบุก ของเมืองไทยในสมัยก่อน เหมือนกันกับคฤหาสน์ ที่เรียกว่า อังมอเหลา
เมื่อทำธุรกิจจนถึงฐานะรวย แปลงเป็นเศรษฐีคนจีนจังหวัดภูเก็ต โดยยิ่งไปกว่านั้นในตอนที่กระบวนการ ทำบ่อแร่เจริญก้าวหน้าในปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 5 และก็ต้นรัชกาลที่ 6 เหล่าเศรษฐีได้ขยับขยาย ที่อยู่ที่อาศัยโดยซื้อที่ดินเพิ่มรวมทั้งก่อสร้างคฤหาสน์หรือที่คนจีนฮกเกี้ยนเรียกว่า อังมอเหลา ในต้นแบบสถาปัตยกรรมประสมประสานระหว่างยุโรปกับจีนโดยส่วนมากได้รับอิทธิพลมาจากทางเกาะปีนัง ซึ่งในยุคนั้นเป็นอาณานิคมของอังกฤษแล้วก็นับว่าเป็นศูนย์กลางการค้าขายของภูมิภาคนี้
Amazing Mansions of Old Phuket (คฤหาสน์ที่น่าเร้าใจของเมืองเก่าจังหวัดภูเก็ต)
คฤหาสน์ชิโนโปรตุกีสเก่าของเมืองเก่าจังหวัดภูเก็ตที่จะทำให้ท่านหลงใหล คุณกำลังอยู่ในสำหรับในการรักษา จังหวัดภูเก็ตมีอะไรมากยิ่งกว่าเพียงแค่ถนนหนทางถลางที่รู้จักกันดี ที่ซึ่งทุกคนไปตรวจสอบจังหวัดภูเก็ต ใช่ เป็นการเดินที่ดีแล้วก็เป็นสิ่งที่จะต้องทำ แม้กระนั้นถ้าเกิดคุณมีความคลั่งไคล้ใน บ้าน ข้างหลังเก่าด้วย คุณอาจปรารถนาตรวจสอบเพิ่มเติมน้อยที่คฤหาสน์ที่สวยสดงดงามบางที่ยังคงยืนอยู่และก็มักถูกแอบซ่อนไว้ รีวิวบ้านภูเก็ต เมื่อยืนอยู่หน้าคฤหาสน์ที่งามพวกนี้ มันง่ายดายที่จะจินตนาการว่าจังหวัดภูเก็ตเป็นเยี่ยงไรเมื่อร้อยปีกลาย
1. บ้านพระพิทักษ์ชินประชา
คฤหาสน์หลังใหญ่สีเหลืองครีมซึ่งเดี๋ยวนี้ให้ร้านอาหารไทย Blue Elephant เช่าพื้นที่ เป็นบ้านที่อำมาตย์ตรีพระป้องกันเคยชินประชาชน (ตันม้าเสียง) ต้นสกุลตัณฑวณิชผู้รวยจากธุรกิจบ่อแร่แร่ดีบุกและก็ค้าขายกับปีนัง ผลิตขึ้นราว พุทธศักราช2447 ช่วงปลายรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นเรือนหอให้ลูกชายคนแรกเป็นขุนชินสถานพิทักษ์ แนวทางแต่งบ้าน สวยๆ
พระพิทักษ์ชินประชาก่อสร้าง บ้าน ไว้ภายในรอบๆเดียวกันไว้ถึง 2 ข้างหลังร่วมกันบนพื้นที่โดยประมาณ 20 ไร่ โดยบ้านข้างหลังแรกเป็นบ้านพระพิทักษ์ชินประชา ส่วนอีกข้างหลังเป็นบ้านชินประชาซึ่งสร้างหลัง พุทธศักราช2454
ลักษณะสถาปัตยกรรมของบ้านพระพิทักษ์ชินประชาเป็นแบบนีโอคลาสสิก (Neo-classic) มีหลังคาทรงปั้นหยารวมทั้งมุงด้วยกระเบื้องเซรามิก ลักษณะด้านนอกที่สะดุดตาเป็นมุขรูปเหลี่ยมตรงกลางตึกแล้วก็ซี่ลูกกรงปูนปั้นสีขาวใต้แนวหน้าต่าง
2.บ้านชินประชา
บ้านชินประชา บ้านจัดสรรภูเก็ต ทำขึ้นตอนหลังบ้านพระพิทักษ์ชินประชาบนที่ดินแปลงเดียวกัน ตอนนี้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ของตระกูลตัณฑวณิชแล้วก็ยังเป็นที่อยู่อาศัยของทายาทด้วย
“บ้านนี้มีฉิ่มแจ้ (ลานเปิดเตียนโล่งเพื่อรับแสงสว่างธรรมชาติ) รอบๆกลางบ้านกว้างมากมายซึ่งตอนหลังปรับแก้เป็นบ่อเลี้ยงปลา มีเสาแบบคอรินเทียน (Corinthian) ประกบข้างแล้วก็มีช่องโค้ง (Arch) บันไดไม้ตรงนี้เด่นมากมายเนื่องจากว่าใต้บันไดสลักเป็นรูปดอกไม้แบบยุโรปผสมจีนปิดทองสวย” แพทย์โกศลกล่าว
รอบๆโถงกลางบ้านตกแต่งด้วยกระเบื้องพิมพ์ลายรูปเรขาคณิตสไตล์วิกตอเรียนจากอังกฤษซึ่งนำเข้ามาจากทางปีนังเพราะเหตุว่าการขายทางทะเลผ่านเกาะปีนังมายังจังหวัดภูเก็ตในยุคนั้นรุ่งโรจน์ เครื่องเรือนส่วนมากซึ่งเป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษเมืองจีนยังได้รับการรักษารักษาไว้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนครัวยังมีเตาก่ออิฐรวมทั้งแท่นบูชาเทพเจ้าเตาไฟ (จ้าวฮุ่นกง) รวมถึงเครื่องครัวและก็ภาชนะแบบโบราณ เคล็ดลับ จัดสวนกลางแจ้ง
“บ้านชินประชายังมีความน่าดึงดูดใจตรงที่หน้าต่างไม้บานเกล็ดแบบยุโรปและก็ประตูสีฟ้าครามตัดกับตัวบ้านสีขาวมีระเบียงบ้านกว้างรอบๆข้างบน หลังคายังปูด้วยกระเบื้องกาบกล้วยแบบจีนโบราณพูดกันว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 เคยเสด็จมารับประทานพระสุธารสที่บ้านชินประชา แต่ว่าไม่การันตีเพราะเหตุว่าไม่มีหลักฐานทางหอจดหมายเหตุ”
3.บ้านหลวงอำนาจนรารักษ์
รอบๆปลายถนนหนทางแร่ดีบุกเป็นที่ตั้งของคฤหาสน์สีเหลืองครีมซึ่งเคยเป็นบ้านพักของหลวงอำนาจนรารักษ์ (ตันยกกวด) ต้นสกุลตัณฑเวส ซึ่งเป็นคนมั่งคั่งทำบ่อแร่อยู่ที่อำเภอกะทู้และก็เป็นคนที่เริ่มให้กำเนิดพิธีกินผักเพื่อขจัดปัดเป่าสิ่งรบกวนจนถึงแปลงเป็นขนบธรรมเนียมที่ยิ่งใหญ่รายปีของชาวจังหวัดภูเก็ต
ถึงตัวอาคารจะเสื่อมโทรมไปตรงเวลา แต่ว่าหมอโกศลกล่าวว่าบ้านหลังนี้ยังคงภาวะเริ่มแรกอยู่มากมายแล้วก็เป็นตัวอย่างของการออกแบบโดยยึดหลักแบบสมมาตร (Symmetrical Balance) ซึ่งประกอบด้วยมุขข้างหน้ารวมทั้งปีกซ้ายขวาได้อย่างสมบูรณ์ รวมถึงลวดลายปูนปั้นที่ยังคงความสวยสดงดงามที่สุดแห่งหนึ่งในบรรดาอังมอเหลาในเขตเมืองเก่าจังหวัดภูเก็ต
“อังมอเหลาข้างหลังนี้มีทรงที่บริบูรณ์ที่สุดข้างหลังหนึ่งที่ยังคงเหลือ มี French Window มีปูนปั้นสไตล์โรมัน หัวเสาแบบคอรินเทียน (Corinthian) สลักเป็นรูปดอกไม้และก็ใบไม้เหมือนหัวผักกาด พื้นกระเบื้องนำเข้ามาจากเกาะปีนัง ที่สะดุดตาที่สุดเป็นลายปูนปั้นตามเสามีภาวะบริบูรณ์มากมายเป็นลวดลายสัตว์มงคลจีนอาทิเช่น ค้างคาง สิงโต กิเลน แล้วก็หงส์ ข้างหน้าบันแกะเป็นรูปโลกในกรอบวงกลมล้อมด้วยลายเถาองุ่นและก็พรรณไม้แบบตะวันตก”
หลวงอำนาจนรารักษ์ ก่อสร้างบ้านข้างหลังนี้ในราว พุทธศักราช2458 เป็นต้นแบบประสมประสาน (Eclectic Style) ระหว่างสถาปัตยกรรมแบบยุโรปกับจีน โดยมีซุ้มโค้งป้าน (Three Centered Arch) รอบๆมุขเปรียบเทียบรถยนต์ซึ่งรองรับด้วยเสากลมเซาะร่องตามแนวดิ่ง ซุ้มหน้าต่างทั้งยังแบบโค้งครึ่งวงกลม (Semi-circular Arch) และก็แบบจั่วสามเหลี่ยม (Pediment) เวลาที่ลายปูนปั้นข้างนอกตึกแทรกสอดลวดลายมงคลตามคติความศรัทธาแบบจีนรวมถึงประตูไม้ปากทางเข้าบ้านภายใต้มุขเปรียบเทียบรถยนต์สลักอย่างประณีตและวิจิตรบรรจง เดี๋ยวนี้ยังคงมีลูกหลานอาศัยอยู่ในบ้านและไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าชม “ข้างในบ้านลงสี Blue เพราะเหตุว่าชาวเพอรานากันไม่ถือการเลือกใช้สีโทน Indigo แบบฝรั่ง เวลาที่ชาวจีนนับได้ว่าเป็นสีอัปมงคล” นายแพทย์โกศลกล่าว
4. บ้านหงษ์หยก
คฤหาสน์ของ เชื้อสายหงษ์หยก ตั้งอยู่ข้างถนนเทพกระษัตรีเป็นสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิกรวมทั้งเด่นด้วยมุขรูปโค้งขนาดใหญ่รองรับด้วยเสากลมสองฝั่งที่เป็นทั้งยังระเบียงแล้วก็มุขเทียบเคียงรถยนต์
บ้านหงษ์หชูเป็นอังมอเหลาสมัยข้างหลังเนื่องจากสร้างในปี พุทธศักราช2473 ตอนยุครัชกาลที่ 7 โดยหลวงอนุภาษจังหวัดภูเก็ตการ(ตันจิ้นหงวน) ผู้ประสบผลสำเร็จสำหรับเพื่อการผลิตไฟฟ้าใช้เองในบ่อแร่และก็เป็นผู้ร่วมริเริ่มเรือขุดแร่ เดี๋ยวนี้เป็นที่อยู่ที่อาศัยของครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่นรวมทั้งได้รับการรักษาอย่างยอดเยี่ยมรวมทั้งยังเป็นสถานที่สำคัญสำหรับเพื่อการจัดพิธีการยกน้ำชาแล้วก็ไหว้ฟ้าดินในงานแต่งงานของชาวจังหวัดภูเก็ตบาบ๋า
“บ้านหงษ์หยกเป็นคฤหาสน์ทรงยุโรป มีระเบียงกว้างข้างบนและก็คงจะนำต้นแบบบ้านจากทางปีนังมาประสมประสาน เป็นสมัยที่นำการก่อสร้างแบบอุตสาหกรรมเข้ามาเป็นการใช้คอนกรีตเสริมเหล็ก มีการก่อสร้างมุขโค้งถึง 3 ตอนเสา มีการลงเสาเข็มซึ่งไม่เหมือนกันกับการก่อสร้างแบบเดิมเป็นการก่ออิฐฉาบปูน” นายแพทย์โกศลกล่าว
จากมุขเปรียบเทียบรถยนต์ก่อนไปสู่ตัวบ้านจะมีพื้นเฉียงหน้าบ้านปูด้วยกระเบื้องโมเสกแบบวิกตอเรียนจากอังกฤษประตูปากทางเข้าหลักเป็นบานเปิดคู่แบบโบราณซ้อน 2 ชั้น รวมทั้งเมื่อเข้าไปข้างในจะเจอห้องโถงรับรองแขกกลางบ้านตกแต่งอย่างหรูหราโดยมีซุ้มโค้งขนาบสองข้าง
เครื่องเรือนทั้งผองสั่งมาจาก ขายวิลล่าภูเก็ต Bangkok House Furnishing Company บริษัทเฟอร์นิเจอร์ที่มีชื่อของไทยในสมัยนั้น อีกห้องที่งามเป็นห้องกินอาหารตกแต่งด้วยโต๊ะยาวแบบฝรั่งตั้งอยู่กึ่งกลางพร้อมเก้าอี้โทนสีเหลืองนวลปริมาณ 20 ตัว รวมทั้งเคยใช้เป็นที่พักแขกระดับบ้านเมืองมาล้นหลามหลายคณะ
5. บ้านทองตัน
บ้านทองตัน เมื่อแรกสร้างข้างหน้าติดถนนหนทางเทพกระษัตรีรวมทั้งเป็นบ้านสองชั้นแบบครึ่งอาคารครึ่งไม้ในราว พุทธศักราช2458 ถัดมามีการเพิ่มเติมตึกข้างหลังเพิ่ม ครั้นเมื่อบ้านข้างหลังแรกเสื่อมโทรมได้มีการรื้อถอนออกไปทำให้ปัจจุบันนี้เหลือแค่ตึกที่เพิ่มเติมตอนหลังแล้วก็ใช้ทางเข้าออกด้านถนนหนทางแร่ดีบุกแทน
แบบสถาปัตยกรรมของบ้านทองคำตันที่สร้างโดยขุนชนานิเทศ (ตันเซียวเซอะ) ต้นสกุลทองคำตัน ผู้มั่งคั่งจากกิจการค้าเหมืองรวมทั้งเป็นหัวหน้าด้านอสังหาริมทรัพย์รายแรกๆในจังหวัดภูเก็ต เป็นตึกคอนกรีตเสริมเหล็กสองชั้นแบบผสมยุโรปกับจีนแต่ว่ามีความธรรมดากว่าอังมอเหลาข้างหลังอื่นๆ
ประตูปากทางเข้าบ้านเป็นบานไม้ทึบแบบจีนลงสีแดงแม้กระนั้นข้างบนปรับใช้เป็นช่องแสงสว่างกรุกระจกสีแบบตะวันตก ด้านในห้องโถงขนาดใหญ่จัดโต๊ะบูชาบรรพบุรุษแบบจีนทำมาจากไม้จำหลักลายปิดทอง นอกเหนือจากนี้ยังมีลานเปิดเตียนรับแสงสว่างธรรมชาติหรือฉิ่มแจ้และก็มีหนองน้ำโบราณอยู่ ซุ้มโค้งรอบๆก่อนทางขึ้นบันไดประดับโดยการใช้ลายปูนปั้นนูนต่ำรูปค้างคาวคู่แบบจีนซึ่งก็คือโชคลาภ
“บ้านหลังนี้มีเครื่องตกแต่งบ้านที่น่าดึงดูดเป็นตู้ไม้ฝังฝาผนังที่มีหน้าบานเป็นกระจกใสไว้โชว์สิ่งที่มีราคา บันไดไม้ข้างในบ้านมีทรงกว้างตามความเลื่อมใสของจีนว่านำมาซึ่งโชคลาภ ซี่ลูกกรงเหล็กถลุงตรงระเบียงหน้าบ้านลงสีแดงคาดคะเนว่าไม่น่าจะหล่อตรงนี้แม้กระนั้นคงจะสั่งมาจากทางอังกฤษ เป็นลวดลายราวกับสับปะรดเนื่องจากว่าตามความศรัทธาของชาวฮกเกี้ยนสับปะรดเป็นโชคลาภลายปูนปั้นรอบๆสามเหลี่ยมหน้าจั่วเป็นรูปนกเหยียบบนลูกโลกผสมกับช่ออุบะสไตล์วิกตอเรียน โรงรถของตรงนี้ยังคงภาวะเริ่มแรกโดยหลังคาเป็นส่วนประกอบไม้แบบโบราณและก็มุงด้วยกระเบื้องกาบกล้วย”
6. บ้านพระอร่ามสาครเขตร
ตึกสีขาวสองชั้นด้านในรั้วเดียวกับที่ทำการของบริษัทการบินไทยบนถนนหนทางระนองเคยเป็นบ้านพักของอำมาตย์ตรีพระสวยงามสาครเขตร (ตันเพ็กฮวด) ต้นสกุลตัณฑัยย์ เศรษฐีผู้ร่ำรวยจากธุรกิจบ่อแร่รวมทั้งสวนยางพาราในยุครัชกาลที่ 6
แผนผังตึกเป็นแบบไม่สมมาตร ขายบ้านภูเก็ต เป็นข้างหน้าตึกมุขเปรียบเทียบรถยนต์อยู่แทบตรงกลาง ส่วนปีกตึกทางด้านซ้ายรวมทั้งขวาเจตนาวางแบบให้ไม่เหมือนกัน เสาแบบคอมโพสิต(Composite Column) รอบๆตึกเป็นงานปรับใช้ปูนปั้นสไตล์ยุโรปผสมกับภาพมงคลตามความศรัทธาแบบจีน อย่างเช่น ส้ม ทับทิม และก็ลูกท้อ
นายแพทย์โกศลเสริมว่า การตกแต่งตึกยังได้รับอิทธิพลสถาปัตยกรรมแบบบาโรก (Baroque) ได้แก่ช่องแสงสว่างกระจกรูปวงรีเหนือช่องหน้าต่างข้างบนแล้วก็การประดับลวดลายปูนปั้นรูปดอกไม้รอบๆฝาผนัง สิ่งที่เด่นอีกอย่างเป็นช่องลูกฟักกระจกมีกรอบขนคิ้วสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนกึ่งกลางตามสไตล์ศิลป์แบบอาร์ตเดโก (Art Deco) ตอนนี้บ้านข้างหลังนี้ได้รับการดูแลและรักษาอย่างดีเยี่ยมโดยบริษัทการบินไทย
7. จวนผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดภูเก็ต
จวนผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดภูเก็ต สร้างราวปี พุทธศักราช2455 โดยคาดการณ์ว่าผู้สร้างเป็นบริษัทฝรั่งที่มารับสัมปทานทำเหมืองแร่ดีบุกแล้วก็สร้างตึกนี้เพื่อเป็นที่พักสำหรับข้าราชการระดับที่ถือว่าสูง พอหมดข้อตกลงก็เลยคืนที่ดินรวมทั้งบ้านให้แก่ทางการไทย
“อังมอเหลาโดยมากมีลักษณะต้นแบบเป็นตึกก่ออิฐฉาบปูน 2 ชั้น ยกพื้นสูง มีระเบียงกว้างรับอากาศแบบรีสอร์ท มีมุขหน้า มีช่องโค้งหรือ Arch ผสมกับช่องลมแบบจีน บ้านข้างหลังนี้ก็เช่นเดียวกันได้สร้างแบบบ้านพักตากอากาศของฝรั่งยุคนั้นตามแบบปีนัง” นายแพทย์โกศลชี้แจง
จวนผู้ว่าฯแห่งนี้เคยเป็นที่ประทับแรมของในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระพันปีหลวงเมื่อครั้งเสด็จเยี่ยมราษฎรภาคใต้ในปี พ.ศ.2502
อ่านบทความที่หน้าสนใจ : แบบบ้าน Villas Phuket รีวิวบ้าน phuket property บ้านเดี่ยว POOL VILLA บ้านจัดสรร PHUKET VILLA
อ่านบทความเพิ่มเติ่ม : ขายวิลล่าภูเก็ต ขายบ้านภูเก็ต invest in phuket property phuket villa for sale phuket village village phuket รีวิวบ้าน ขายวิลล่าภูเก็ต ขายบ้านภูเก็ต ซื้อบ้าน ตกแต่งบ้าน วิลล่าราคาถูกภูเก็ต วิลล่าภูเก็ตที่ขาย